เราจะดูแลเสริมสร้างสุขภาพต่อสู้กับพิษฝุ่น pm2.5และโรคระบบทางเดินหายใจได้อย่างไร
วันศูกร์เช้า ที่ 25/1/62 ฟังข่าวจากวิทยุ ช่วงนี้โรงพยาบาลหลายๆแห่งเต็มไปด้วยเด็กเล็กเด็กน้อยป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ ในเวลาเดียวกันอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์จีนสากลรายงานว่าช่วงนี้ที่ ฮ่องกงมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ 81คน เช่นเดียวกันเด็กเล็กเด็กน้อยป่วยด้วยโรคดังกล่าวมากมาย ทำให้โรงเรียนต่างๆต้องปิดการเรียนการสอนก่อนเทศกาลตรุษจีน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เราอดห่วงไม่ได้ ถ้าหากบ้านเราพิษฝุ่น pm2.5 ร้ายแรงจนก่อเกิดเป็นโรคระบบทางเดินหายใจระบาดไปทั่ว แล้วประชาชนทั่วไปพร้อมจะรับมือป้องกัน ต่อสู้กับโรคร้ายระบาดนี้ได้อย่างไร
สาเหตุที่ทำให้ร่างกายมนุษย์เราเกิดเป็นโรคเจ็บป่วยไม่สบาย ปัจจัยภายนอกจะเกิดจากกระทบกระเทือนบั่นทอนโดยพิษของดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน รุนแรงเช่น พิษจากความร้อน หนาวเย็น ร้อนอบอ้าว ความชื้น แห้งแล้ง ฯลฯ แต่สมัยนี้สิ่งแวดล้อม มลภาวะที่เลวร้าย ชั้นอากาศเต็มไปด้วยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าชพิษ ฝุ่นพิษ จะเป็นตัวการหลักทำให้เลือดลมในหลอดเลือดไหลเวียนช้าลงไร้ประสิทธิภาพ ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ก่อเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ หรือกระทั้งเป็นโรคร้ายโรคมะเร็ง ส่วนปัจจัยภายในจะเกิดจากอารมณ์แปรปวนของร่ายกายมนุษย์ รวมทั้งอวัยวะในร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายๆส่วน ปฎิบัติหน้าที่บกพร่องทำให้ร่างกายสูญเสียความสมดุลภูมิคุ้มกันตกต่ำ โดยเฉพาะระบบย่อยขับถ่ายระบบกลั่นกรองระบบดุลยภาพที่ตกต่ำทำให้ไม่สามรถขับของเสีย สารพิษต่างๆ ออกจากร่างกายที่มีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง เช่น ถ้าตัวฝุ่นพิษ pm2.5 ก๊าชพิษต่างๆชั้นกาศถูกเราสูบเข้าไปในร่างกาย แต่ร่างกายเราขาดพลังที่จะขับของเสียสารพิษ เหล่านี้ออกจากร่างกายที่มีประสิทธิภาพ ฝุ่นพิษ ก๊าสพิษต่างๆเหล่านี้ก็จะผสมผสานกับของเสียที่เกิดขึ้นในร่างกายและทยอยเกาะติดตามผนังหลอดเลือด ตามลำคอ กระดูกซีกโครงทรวงอก ปอด หัวใจ เกาะติดสะสมนานวันก็จะแปรพันธ์เป็นของเหลว เสมหะ เสลด หรือกระทั้งก่อเกิดเป็นลิ่มเลือดของแข็ง เนื้อร้ายทำให้ผนังหลอดเลือดนับวันแคบลง หรือกระทั่ง อุดตันอาการเจ็บป่วยไม่สบายต่างๆ ตามหลอดลม ทรวงอก ปอด หัวใจ ก็จะเกิดขึ้น และร้ายแรงจนก่อเกิดเป็นโรคร้ายโรคมะเร็ง
แล้วเราจะดูแลเสริมสร้างสูขภาพให้แข็งแกร่งเพื่อป้องกันพิษภัยจากฝุ่นpm2.5 หรือกระทั่งก่อเกิดเป็นโรคระบบทางเดินหายใจได้อย่างไร
สำหรับปัจจัยภายนอกต้องขึ้นอยู่กับหน่วยงานต่างๆของทางภาครัฐที่ต้องเร่งสรรหามาตราการต่างๆมาควบคุมปรับปรุงชั้นอากาศที่เต็มไปด้วยก๊าสคาร์บอนไดออกไซด์ก๊าสพิษนี้ เพื่อให้ทยอยลดลง เข้าสู่ปกติ ส่วนปัจจัยภายในต้องขึ้นอยู่กับตัวเราเอง เช่น
1.ออกกำลังกาย ให้เป็นประจำทุกวันและทุกครั้งที่ออกกำลังกายต้องปฎิบัติให้ต่อเนื่อง สม่ำเสมอไม่ทำๆหยุดๆ (ไม่หยุดแม้วินาทีเดียว) เวลาขั้นต่ำ 30-35 นาที การปฏิบัติออกกำลังกายที่ถูกวิธีถึงระยะเวลาหนึ่งอวัยวะกลไกระบบต่างๆภายในร่างกายถูกผลักดันขับเคลื่อนเข้าสู่สมดุลสูงสุดร่างกายก็จะหลั่งสาร ENDORPHINS ออกมารับใช้สุขภาพเรา สาร ENDORPHINS นี้ก็คือยาวิเศษและหมอในร่างกายจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยสะสางอาการผิดปกติในร่างกายและช่วยปรับร่างกายเข้าสู่สมดุล
2.บางเวลาอากาศแปรปรวนรุนแรงจนทำให้ร่างกายเสียสูญเกิดอาการคัดจมูก จาม รีบสั่งน้ำหมูกและขับเสมหะ ออกจากจมูก ลำคอให้มากเท่าที่จะมากได้ เพราะช่วงนี้เชื้อโรคพึ่งจะแทรกชึมเข้ามาในปากในจมูกลำคอยังมิได้ชึมลึกเข้าไปถึงปอดและร่างกายส่วนลึก ถ้าเรารีบขจัดแก้ไข อาการหวัดเล็กน้อยนี้ก็จะถูกเราขจัดแก้ไขทุเลาหายโดยเร็ว ช่วงเวลาดังกล่าวนี้ผมแนะนำมิควรใช้ยาแขนงใดๆ มาทำการบำบัด โดยเฉพาะถ้าเป็นยาบำบัดแล้วเกิดผลข้างเคียง บั่นทอนถึงอวัยวะ เช่น ไต ลำใส้ ภูมิคุ้มกันก็จะตกต่ำ ทรุดลง อาการหวัดก็จะแก้ยากขึ้น
3.ต้องสนใจดูแลระบบย่อยขับถ่ายป้องกันไม่ให้เกิดมีอาการท้องผูกระบบย่อยขับถ่ายปกติ เพราะถ้าระบบย่อยขับถ่ายผิดปกติของเสียสารพิษที่ตกค้างอยู่บริเวณรอบท้องนอกจากจะขัดขวาง ปอดทำหน้าที่ ขับของเสียขับสารพิษลงสู่รอบท้องออกจากร่างกาย ในเวลาเดียวกับของเสียสารพิษบางส่วนจะชึมเข้าไปในเส้นเลือดไหลเวียนไปเกาะติดสะสมอยู่ผนังหลอดเลือด ปอด หัวใจ บวกกับก๊าสคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าสพิษต่างๆ สะสมระยะเวลาหนึ่งก็จะแปรผันทำให้โรคต่างๆตามมา
4.ถ้าหากเกิดอาการคอเจ็บ อักเสบ หรือ ปอดอักเสบติดต่อหลายวัน อาการยังทุเลาไม่ดีขึ้นเท่าที่ครว ผมแนะนำ นอกจากให้ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามหลีกเลี่ยงอยู่กับห้องแอร์ออกกำลังกาย เหมือนเดิมและเพิ่มมาตารการ โดยการนวดฝ่าเท้าด้วยตัวเอง รวมทั้งนำถ้วยดูด มาดูดของเสียสารพิษต่างๆ ออกจากผนังหลอดเลือด ออกจากร่างกาย อาการผิดปกติ อาการหวัดที่มีอยู่ก็จะถูกขจัดหายโดยเร็ว
27 ปีที่ผ่านมา (เริ่มตั้งแต่อายุ 50 ปี) ผมใช้วิธีบำบัดโดยธรรมชาติ ประสานกับแพทย์ทางเลือกสามประสาน มาดูแลเสริมสร้างสุขภาพ ทำให้ 27 ปีที่ผ่านมา น้อยๆครั้ง ที่จะเกิดมีอาการหวัด คอเจ็บ ปวดหัว ถึงแม้บางเวลา ร่างกายเสียสูญเกิดมีอาการหวัดเล็กน้อยหรือจนกระทั้งเกิดเป็นไข้หวัดใหญ่ ผมก็ยืนหยัดไม่ใช้ยาแขนงใดๆมาทำการบำบัด โดยใช้มาตการธรรมชาติบำบัดนี้ ขจัดแก้ไขทุกครั้งอาการผิดปกติที่มีอยู่ ก็จะถูกขจัดแก้ไขทุเลากายโดยเร็ว และคงความสมดุลของร่างกายอยู่ตลอดเวลา ประสบการณ์ดังกล่าวนี้อาจจะเป็นข้อมลูและประโยชน์ ต่อท่านนำไปดูแลเสริมสุขภาพ