คุณวรางคณา พร้อมจันทึก อายุ 49 ปี
อาการโรค SLE จนเกิดอาการใบหน้าคล้ำดำ ตาเสื่อม
ประวัติเจ็บป่วยในอดีต
- ตั้งแต่วัยสาวสุขภาพภูมิคุ้มกันก็ไม่แข็งแรง
- 22 ปีก่อนเคยประสบอุบัติเหตุ ขี่มอเตอร์ไซร์ล้มเจ็บปวดสาหัส
- 20 ปีก่อน 2 ข้อเข่าก็เริ่มเสื่อมเจ็บปวดอักเสบ เคยผ่านการผ่าตัดข้อเข่าด้านซ้าย
- 12 ปีก่อน ผ่านการผ่าตัดคลอดลูก หลังคลอดลูกแล้ว สุขภาพก็ยิ่งทรุดโทรมอ่อนแอ ปวดเอว ลำตัวปวดเมื่อย โดยเฉพาะตามข้อต่อต่างๆ (ข้อเข่า ข้อไหล่ บ่า ต้นคอ ข้อมือ ฯลฯ)
- 2 ปีก่อน ใบหน้าจากที่เคยสวย สดใส ทยอยเปลี่ยนสีเป็นคล้ำดำ แพทย์วินิจฉัยว่าสาเหตุจากอาการโรค SLE
อาการเจ็บป่วยไม่สบายนี้ สะท้อนออกปัจจุบัน
- ปวดเมื่อยทั่วร่างกาย
- ข้อมือ ข้อนิ้ว ไหล่ บ่า สะบัก ต้นคอ ข้อเข่าเจ็บปวดอักเสบ รวมทั้งปวดเอว ตามข้อเอวหลายข้อ
- มือเท้าเย็น ใบหน้าดำคล้ำ นอนหลับไม่ดี ย่อยขับถ่ายไม่ปกติ ท้องผูก เวลายกของหนักจะมีเลือดดำไหลออก โลหิตจาง
จากอาการผิดปกติต่างๆ ในร่างกายที่มีอยู่ นอกจากทำให้ร่างกายตนนับวันจะปวดเมื่อยอ่อนล้า ทำให้กังวลอย่างมากเพราะทุกวันตนยังต้องเดินทางไปบริษัทออฟฟิศทำงาน ยังต้องเลี้ยงดูลูกชายที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ โดยเฉพาะจากใบหน้าที่ทยอยเปลี่ยนสีเป็นดำคล้ำ ทำให้เพื่อนฝูงบางคนและคนในสังคมไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากมองหน้าตน ทำให้ตนเกิดปมด้อยไม่ค่อยอยากเข้าสังคมพบปะสังสรรค์กับผู้คนมากมาย
วันที่ 23 สิงหาคม 2558 คุณวรางคณา เดินทางมาที่ศูนย์สุขภาพเซิ่งกู่ ให้ อาจารย์สุทัศน์ กุลสันติพงศ์ ช่วยทำการบำบัด อ.สุทัศน์ เช็คตรวจวินิจฉัยอาการโรคที่มีอยู่
สาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นอาการโรค SLE มีส่วนเกี่ยวข้องกับช่วยวัยสาวสุขภาพภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง โดยเฉพาะระบบย่อยขับถ่ายที่ไม่ปกติ มีอาการท้องผูก สะท้อนถึงอวัยวะที่เกี่ยวสัมพันธ์กับระบบย่อยขับถ่าย เช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้ต่างๆ ตับ ถุงน้ำดี ไต ประสิทธิภาพงานตกต่ำ บวกกับ 20 กว่าปีที่ผ่านมา ประสบอุบัติเหตุขี่รถหกล้มบาดเจ็บและร่างกายผ่านการผ่าตัด 2 ครั้ง ร่างกายก็ยิ่งเสียสูญ ทำให้อวัยวะต่างๆ หลายอย่างเช่น ไต ถุงน้ำดี กระเพาะอาหาร ลำไส้ ปอด หัวใจ ประสิทธิภาพงานยิ่งตกต่ำ ทำให้มีของเสียสารพิษหรือกระทั่งลิ่มเลือดมาเกาะติดอยู่ตามผนังหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ เหล่านี้ รวมทั้งตามข้อเข่า ข้อไหล่ สะบัก ต้นคอ ข้อศอก ข้อมือ ตามนิ้วมือและข้อเอว นานวันเป็นปีผนังหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ รวมทั้งข้อต่อต่างๆ ก็นับวันยิ่งแคบลง ทำให้เลือดลมไหลเวียนหล่อเลี้ยงยิ่งตีบมากขึ้น จึงเกิดอาการเจ็บปวดอักเสบทั่วร่างกายตามมา ส่วนอาการหน้าคล้ำดำ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความบกพร่องของปอด และหัวใจ หัวใจทำงานบกพร่องไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงใบหน้าอย่างเสมอ ปอดบกพร่องไม่สามารถขับของเสียสารพิษออกจากรูขุมขนของผิวหนังบนใบหน้า รวมทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวยาคลอโรฟิลล์ที่รับประทาน ก่อผลข้างเคียงทำให้ผิวหนังใบหน้าคล้ำดำ
อ.สุทัศน์ บอกคุณวรางคณาว่า อาการโรค SLE ของคุณวรางคณาที่มีอยู่ น่าจะสามารถช่วยขจัดแก้ไขและทยอยทุเลาหายดี (เพราะ อ.สุทัศน์มีประสบการณ์ช่วยบำบัดอาการโรค SLE ของผู้ป่วยหลายคนจนทุเลาหายดีมาหลายคน) แต่เน้นว่าคุณวรางคณาต้องตั้งใจมารักษาโดยแพทย์ทางเลือกนี้แล้ว นอกจากมีความเชื่อแล้วยังต้องมีความอดทน ต้องเดินทางมาต่อเนื่องทุกวัน ใช้เวลาประมาณอย่างน้อย 1 เดือนอาการเจ็บปวดไม่สบายต่างๆ ที่มีอยู่ก็จะทยอยทุเลาหายดี อ.สุทัศน์ชี้แนะให้คุณวรางคณางดทานยาใดๆ ช่วงรับการบำบัดโดยแพทย์ทางเลือกสามประสานนี้ รวมทั้งยาสเตียรอยด์และยาคลอโรฟิลล์ (เนื่องจากร่างกายของคุณวรางคณาอวัยวะหลายอย่าง เช่น ปอด หัวใจ ไต ตับ กระเพาะอาหาร ลำไส้ ประสิทธิภาพค่อนข่างบกพร่อง ไม่มีพลังขับของเสียสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกายที่มีประสิทธิภาพ ฉะนั้นสารยาใดๆ รับประทานแล้ว ร่างกายไม่ตอบรับตอบสนอง ไม่สามารถดูดซึมใช้เป็นประโยชน์ ก็จะกลายเป็นสารพิษ ตกค้างสะสมเพิ่มในร่างกาย) และใช้แพทย์ทางเลือกสามประสานโดยการนวดฝ่าเท้าแบบจีน ประสานกับการนวดกดจุดลมปราณ และวางครอบถ้วยดูดสุญญากาศ ทำการบำบัดอาการโรคโดยทั่วหน้า ควบคู่กับการเน้นขจัดแก้ไขอาการโรคเฉพาะที่เจ็บปวดรุนแรงไปพร้อมกัน ในช่วงแรกๆ ได้เน้นขจัดแก้ไขอาการระบบย่อยขับถ่ายไม่ปกติ อาการท้องผูก และชี้แนะให้คุณวรางคณาประสานรับประทานผลไม้ผักพืชมันเทศนึ่งหรือมันเทศต้มกับขิง (มันเทศต้มขิงอาทิตย์หนึ่งทานประมาณ 1- 2 วัน) หรือแก้วมังกรสีม่วงเป็นหลักควบคู่ ซึ่งผักพืชผลไม้ 2 อย่างนี้มีผลต่อช่วยย่อยขับถ่ายที่มีประสิทธิภาพสูง เพียงไม่กี่วันหลังรับการบำบัดอาการย่อยขับถ่าย ก็ถูกปรับปรุงแก้ไขดีขึ้น สามารถขับถ่ายปกติได้ทุกวัน สะท้อนถึงร่างกายเริ่มมีพลังขับถ่ายของเสียสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้คุณวรางคณาทุกคืนสามารถหลับนอนดีขึ้น หลับได้ลึกหลับได้ยาว กลางวันไม่เพลียมากจากนั้น อ.สุทัศน์ยังได้เข็มเฉพาะเคาะตี บริเวณผิวหนังตามจุดลมปราณซึ่งเกี่ยวสัมพันธ์กับจุดต๋าจุย (ศูนย์รวมประสาท) ปอด หัวใจ กระบังลม ตับ ถุงน้ำดี ม้าม กระเพาะอาหาร ไต ลำไส้ รวมทั้งข้อต่อไหล่ สะบัก ต้นคอ ข้อต่อเอวและข้อเข่า 2 ข้าง ซึ่งสะท้อนออกมีข้อเสียสารพิษและลิ่มเลือดเกาะติดสะสม และนำถ้วยดูดมาทำการดูดสักครั้ง ทยอยดูดของเสียสารพิษต่างๆ และลิ่มเลือดออกจากบริเวณต่างๆ ดังกล่าว ของเสียสารพิษต่างๆ ทยอยถูกขจัดดึงดูดออกมา ผนังหลอดเลือดของอวัยวะต่างๆ และตามข้อต่อต่างๆ ก็ขยายกว้างขึ้นเลือดกลับมาไหลเวียนมีประสิทธิภาพ..