นิตยสารสุขภาพรายเดือน ปีที่ 3 ฉบับวันที่ 27 ธันวาคม 2550
หายปวดเข่า ปวดสะโพก ระบบร่างกายดีขึ้นด้วยการนวดฝ่าเท้า ผสานการใช้ถ้วยดูดระบบสุญญากาศ
หนึ่งในบรรดาโรคยอดฮิตที่คนในยุคปัจจุบันมักจะเป็นกันก็คือ โรคปวดต่างๆ โดยเฉพาะโรคปวดคอ ปวดหลัง ปวดเอว หรือปวดเข่า ซึ่งตามบั่นทอนชีวิตทั้งทางร่างกายและจิตใจของแต่ละคนเป็นเวลานาน ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ แม้ว่าจะพยายามหาหนทางรักษามาสารพัดรูปแบบ เช่น บางคนกินยาติดต่อกันเป็นเวลานาน เปลี่ยนหมอ เปลี่ยนโรงพยาบาลมาหลายแห่ง บางคนก็สรรหาหมอนวดเก่งๆ มาหลายที่แต่อาการปวดต่างๆ ก็ยังคงย้อนกลับมาสร้างความทุกข์ทรมานให้กับตนเองอยู่เสมอ คุณจินตนา เหล่าวัฒนาอุ่นจิต ก็เป็นคนหนึ่งที่เผชิญกับอาการปวดตั้งแต่สะโพก ข้อต่อ หัวเข่า ไล่ลงไปจนถึงปลายเท้าข้างซ้าย ติดต่อกันมาเป็นเวลา 10 กว่าปี แม้ว่าจะพยายามหาทางบำบัดรักษาโดยตลอด ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย แต่ก็ยังไม่หาย จนกระทั่งได้มาใช้วิธีการบำบัดด้วยการนวดฝ่าเท้า ผสานการนวดกดจุดตามเส้นลมปราณ และการใช้ถ้วยดูดระบบสุญญากาศ ตามแนวทางของแพทย์แผนจีน อาการต่างๆ จึงดีขึ้น แถมสุขภาพด้านอื่นๆ ก็ดีขึ้นตามไปด้วย
เมื่อโรครุมเร้า
คุณจินตนา เล่าถึงอาการต่างๆ ที่ตนต้องเผชิญให้ฟังว่า “เมื่อตอนอายุเกือบ 50 ปี ตอนช่วงที่เข้าสู่วัยทอง ก็เริ่มมีอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว กดไปตรงไหนก็รู้สึกเจ็บไปหมด และก็มีอาการปวดตั้งแต่สะโพก ข้อต่อ ไล่ลงไปที่หัวเข่า จนถึงปลายเท้า โดยเฉพาะที่สะโพก และหัวเข่าด้านซ้ายจะปวดมาก และมีอาการบวมด้วย เวลายกเท้าจะใส่กางเกงแต่ละที ก็ต้องยืนพิงข้างฝาไว้ถึงจะใส่ได้ ไม่อย่างนั้นจะยืนไม่อยู่ ยกขาไม่ขึ้น เวลาเดินลงบันไดก็ต้องค่อยๆ เกาะราว และก็ก้าวเท้าลงบันไดขั้นหนึ่ง ก็ต้องเดินถึง 2 ก้าว หรือแม้แต่เวลานั่งบนเก้าอี้ถ้านั่งห้อยเท้า ก็จะรู้สึกปวดมาก ต้องหาอะไรมารองฝ่าเท้าให้สูงขึ้น อย่างเวลานั่งรถเมล์ก็ต้องเลือกนั่งเก้าอี้ที่มีเหล็กรองสูงขึ้นมา จะได้วางเท้าได้ ถ้าไม่มีเหล็กรองก็ต้องนั่งยกเท้าขึ้น จึงจะไม่ปวด และเวลานั่งสวดมนต์ไหว้พระ ก็นั่งพับเพียบไม่ได้ด้วย ทรมานมาก เคยไปหาหมอกินยา และก็ไปหาหมอนวดมาหลายที แต่ก็ยังปวดอยู่”
“ นอกจากนี้ ยังมีอาการเจ็บที่บริเวณซี่โครงด้านขวามาเป็นเวลา 10 กว่าปีเช่นกัน เพราะเคยประสบอุบัติเหตุรถชน แล้วซี่โครงถูกกระแทก ส่วนอาการอื่นๆ ที่ระยะหลังๆ นี้เป็นอยู่เสมอด้วยก็คือ อาการเวียนหัว แน่นจุกหน้าอก ระบบขับถ่ายไม่ดี เรอบ่อย ซึ่งพอไปหาหมอ หมอก็ตรวจให้และบอกว่าเป็นโรคไทรอยด์แบบไม่มีพิษ มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง แล้วก็ให้ยามากิน แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีอาการตาแดง แสบตา หนังตาตก ลืมตาไม่ค่อยขึ้นอยู่เป็นประจำด้วย”
หลังจากทนทุกข์ทรมานอยู่นานหลายปี คุณจินตนาก็ตัดสินใจลองเข้ารับการบำบัดรักษาแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนคือการใช้วิธีนวดฝ่าเท้า ประสานการนวดกดจุดตามเส้นลมปราณ และการใช้ถ้วยดูดสุญญากาศ โดยได้รับคำแนะนำจากลูกสะใภ้ซึ่งเป็นสมาชิกนิตยสารบีเวลล์และอ่านเจอคอลัมน์ภูมิปัญญาทางเลือกที่เคยกล่าวถึง อาจารย์สุทัศน์ กุลสันติพงศ์ ผู้รักษาผู้ป่วยด้วยศาสตร์ดังกล่าวนี้นั่งเอง
คุณจินตนาเล่าให้ฟังว่า “ลูกสะใภ้มาชวน ก็เลยลองไปดู วันแรกที่ไปพบอาจารย์สุทัศน์ ก็ ตรวจดูลิ้น ดูหน้าตา และก็นวดฝ่าเท้าให้ พร้อมกับนวดที่หัว ที่แขน แล้วก็ใช้ถ้วยดูดสุญญากาศครอบให้ทั้งตัว โดยให้นอนหงายแล้วก็วางถ้วยดูดสุญญากาศครอบไว้ที่ตรงซี่โครงด้านขวาที่เจ็บอยู่ จากนั้นก็วางถ้วยที่ด้านหลังตรงคอ แขน จนถึงขา แล้วก็เจาะเลือดที่เข่าออกให้ด้วย พอไปรักษาครั้งแรกกลับมา รู้สึกปวดมากขึ้นแล้วก็เวียนหัวด้วย แต่พอนอนหลับ ตื่นขึ้นมาก็ดีขึ้นแล้วจากนั้นอาการปวดสะโพก ปวดเข่าก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ เลยไปนวดติดต่อกันทุกวันยกเว้นวันอังคาร รวมทั้งหมด 20 ครั้ง โดยใน 20 ครั้งนี้ ก็เจาะเลือดที่หัวเข่าไป 5-6 ครั้ง ตอนนี้อาการปวดต่างๆ ก็หายไปหมดแล้ว สามารถเดินไปไหนมาไหนได้สบายเลย”
“นอกจากนี้ อาการเจ็บซี่โครงที่เป็นมาเป็น 10 ปี ก็หายไปด้วย ที่เคยเวียนหัวอยู่บ่อยๆ ตอนนี้ก็ไม่เวียนหัวแล้ว นอนหลับสบาย ระบบขับถ่ายก็ดีขึ้น ท้องไม่ผูก ไม่แน่นหน้าอก ไม่เรอบ่อยเหมือนเดิม ที่สำคัญตาที่เคยแดง ก็ดีขึ้นด้วย รู้สึกว่าตัวเองสุขภาพดี แข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ แต่อาจารย์สุทัศน์ก็สอนวิธีนวดฝ่าเท้า และการใช้ถ้วยดูดสุญญากาศให้กลับมาทำเองต่อด้วย อาการต่างๆ จะได้ไม่กลับมาเป็นอีก”
ถ้วยดูดสุญญากาศช่วยได้อย่างไร
หากใครได้มีโอกาสอ่านคอลัมน์ภูมิปัญญาทางเลือก ในบีเวลล์ฉบับที่ 24 ก็คงพอจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า การนวดฝ่าเท้า และการนวดกดจุดตามเส้นลมปราณ นั้นมีประโยชน์ในการช่วยกระตุ้นเซลล์ประสาท ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น สามารถปรับสมดุลร่างกายและบำบัดรักษาโรคได้มากเพียงใด แต่สิ่งสำคัญที่เข้ามามีส่วนช่วยในการบำบัดรักษาคุณจินตนาอย่างมากอีกประการหนึ่งก็คือ การใช้ถ้วยดูดสุญญากาศ ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักมาก่อนนั่นเอง
เมื่อถามอาจารย์สุทัศน์วิธีการบำบัดรักษาคุณจินตนาท่านก็อธิบายให้ฟังว่า “หลังจากที่ได้ตรวจวินิจฉัยอาการแล้วก็พบว่าคุณจินตนามีอวัยวะหลายอย่างในร่างกายที่ทำงานบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นไต ตับ ถุงน้ำดี หัวใจ ม้าม ปอด ซึ่งส่งผลทำให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนไม่ดี เกิดความติดขัดและไร้ระเบียบ โดยเฉพาะที่บริเวณข้อเข่าทั้ง 2 ข้าง ก็มีลิ่มเลือดเกาะติดอยู่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้อาการปวดเข่ามาก และระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายก็ไม่ดีตามไปด้วย ดังนั้นนอกจากจะนวดฝ่าเท้าโดยเน้นตรงจุดที่อวัยวะทำงานบกพร่องมากเป็นพิเศษ ประกอบการนวดกดจุดตามเส้นลมปราณเพื่อปรับสมดุลร่างกายแล้ว ยังต้องใช้ถ้วยดูดระบบสุญญากาศช่วยด้วย โดยจะใช้ถ้วยดูดวางลงไปตรงจุดที่มีอาการเจ็บปวด แล้วปั้มเอาอากาศออกจากภายในถ้วย ความกดดันของสุญญากาศก็จะดึงดูดผิวหนังให้นูนสูงขึ้น ในขณะที่เนื้อเยื่อผิวหนังบริเวณดังกล่าวถูกกระตุ้นหรือถูกกดดันนั้น ก็จะเป็นการผลักดันให้เลือดลมไหลเวียนเข้ามาหล่อเลี้ยงบริเวณนั้นๆ ได้มากขึ้นด้วย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เส้นลมปราณ เซลล์ประสาท และเซลล์ของเลือด เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้นด้วย ที่สำคัญการใช้ถ้วยดูดเช่นนี้ ยังทำให้เม็ดเลือดขาวเคลื่อนตัวเข้ามากำจัดสารพิษ สิ่งแปลกปลอม และของเสียต่างๆ ออกจากผนังหลอดเลือดด้วย โดยบางส่วนก็จะถูกดูดออกจากรูขุมขนของผิวหนังโดยตรง สะท้อนออกเป็นไอน้ำหรือหยดน้ำเกาะติดอยู่ที่ผนังถ้วยครอบ บางคนมีสารพิษเกาะติดมาก พอวางถ้วยดูดทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ก็จะมีน้ำเหลืองหรือลิ่มเลือดเป็นวุ้นๆออกมา บางคนก็จะมีตุ่มน้ำใสๆ ต้องเจาะออกหรือสารพิษบางส่วนก็จะสะท้อนออกมาเป็นสีของผิวหนังต่างๆ เช่น สีขาว สะท้อนถึงอาการพร่องเลือดลมหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ สีแดง สะท้อนว่าเลือดไหลเวียนอย่างไม่เป็นระเบียบ สีแดงเข้ม สะท้อนว่ามีสารพิษของเสียเกาะติดค่อนข้างมาก อวัยวะทำงานบกพร่อง หรือถ้าเป็นสีม่วง หรือสีดำคล้ำ ก็แสดงว่ามีเลือดลมติดขัดรุนแรง มีลิ่มเลือดเกาะติด ซึ่งถ้าวางถ้วยดูดต่อเนื่องหลายครั้งแล้วสีผิวยังไม่จางหาย ก็ต้องใช้เข็มเฉพาะเคาะตีบริเวณดังกล่าว แล้วดูดเอาลิ่มเลือดออก เพื่อช่วยขจัดของเสียสารพิษออกมา ทำให้ผนังหลอดเลือดขยายกว้างขึ้น เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างสมดุลเป็นปกติมากขึ้นนั่นเอง
“อย่างคุณจินตนา ก็ต้องใช้เข็มเคาะตีแล้วใช้ถ้วยดูดเอาลิ่มเลือดที่เกาะติดอยู่ที่หัวเข่าทั้ง 2 ข้างออก 5-6 ครั้ง อาการข้อเข่าอักเสบที่เป็นมานานจึงดีขึ้นได้ นอกจากนี้อาการปวดสะโพก ปวดเอว ปวดต้นขา รวมทั้งอาการเจ็บซี่โครงด้านขวา ซึ่งกระทบกระเทือนต่อการทำงานของตับ ทำให้เลือดลมไหลเวียนติดขัดทั้งตามแขนขา และแผ่นหลัง ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียอยู่เสมอ เกิดอาการตาแดง ลืมตาไม่ค่อยถนัดเป็นประจำนั้น ก็ดีขึ้นด้วย หลังจากที่ทั้งนวดฝ่าเท้า กดจุดตามเส้นลมปราณ และได้ใช้ถ้วยดูดครอบบริเวณที่มีอาการให้”
อย่างไรก็ตาม อาจารย์สุทัศน์ได้กล่าวเน้นย้ำถึงเหตุปัจจัยที่ช่วยให้คุณจินตนาหายจากโรคร้ายต่างๆ ไว้ว่า “สิ่งสำคัญที่ทำให้คุณจินตนามีสุขภาพที่แข็งแรง สดชื่นแจ่มใสขึ้น หายจากความปวดที่ทุกข์ทรมานมานานได้ ก็คือการที่เข้ามารับการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง ไม่ทำๆหยุดๆ และก็กล้าที่จะให้เจาะเอาลิ่มเลือดที่เป็นของเสียออกอย่างต่อเนื่องด้วย ทำให้อาการคุณจินตนาดีขึ้นได้ภายใน 1 เดือน จากการรักษาทั้งหมด 20 ครั้ง นั่นเอง”