ถ้วยดูดสุญญากาศ (ครอบกระปุก) สามารถดูดของเสียสารพิษ หรือกระทั่งลิ่มเลือดออกจากร่างกายโดยตรง และไม่ก่อเกิดผลข้างเคียงใดๆ ต่อสุขภาพร่างกาย
ประวัติความเป็นมาของถ้วยดูดระบบสุญญากาศ
คนจีนเรียนรู้วิธีใช้ถ้วยดูดระบบสุญญากาศมาบำบัดอาการโรคต่างๆ ตามหนังสือบันทึกมีประวัติยาวนานมากว่า 2000 ปี เดิมใช้เขาของสัตว์ทำเป็นกล่อง ต้มกับน้ำร้อนหรือจุดไฟลนให้เกิดสูญญากาศ แล้วนำมาครอบบำบัดอาการโรคต่างๆ โดยเฉพาะบำบัดอาการที่เจ็บปวดอักเสบ ดูดสารพิษ ดูดลิ่มเลือดออกจากร่างกาย ออกจากบริเวณผิวหนังที่มีอาการอักเสบรุนแรง ต่อมาได้ถูกพัฒนาเปลี่ยนเป็นถ้วยทำด้วยไม้ไผ่หรือถ้วยแก้ว แต่ยังต้องลนให้เกิดสุญญากาศ 2000 กว่าปีที่ผ่านมา ถ้วยดูดระบบสุญญากาศเคยถูกแพทย์แผนจีนโบราณ หรือหมอชาวบ้านนำมาบำบัดอาการโรคต่างๆ ให้ชาวจีน ค่อนข้างแพร่หลายในจีนผืนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะตามชนบท ตามสถานที่ห่างไกลจากหัวเมือง และยังมีครัวเรือนไม่น้อยในประเทศจีน เรียนรู้ถึงประโยชน์และกรรมวิธีการใช้เครื่องมือแพทย์ชุดนี้ และได้สำรองเครื่องมือแพทย์นี้ไว้ในครัวเรือน เวลามีสมาชิกผู้ใดเกิดมีอาการเจ็บปวดหรือกระทั่งอักเสบตามบริเวณผิวหนังของอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกาย ก็จะนำถ้วยมาลนไฟแล้วครอบบำบัด อาการเจ็บปวดหรือผิดปกติที่มีอยู่ ก็จะถูกขจัดแก้ไขบรรเทาหายได้โดยเร็ว
ศาสตราจารย์ดร.วูซุนซี (เป็นชาวจี๋หลิง อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน) เป็นอาจารย์ของ อ.สุทัศน์ กุลสันติพงศ์ ประสบความสำเร็จในการผลิตขุดเครื่องปั๊มดูดอากาศแบบสมัยใหม่มาแทนการใช้ถ้วยแก้วรนไฟ ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือปั๊มดูดที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการเกิดรอยไหม้บนผิวหนัง และสามารถวางถ้วยดูดยาวนานกว่า โดยไม่ก่อเกิดผลข้างเคียงใดๆต่อสุขภาพผู้ป่วย จากชุดเครื่องปั๊มดูดสมัยใหม่ที่ถูกค้นคว้าผลิตขึ้น อ.วูได้ใช้ประสานกับความรู้ทฤษฎีพื้นฐานแพทย์แผนจีน โดยเฉพาะการบำบัดอาการโรคที่ต้องอิงกับระบบเส้นลมปราณ และวิธีบำบัดที่เน้นบำบัดอาการโรคทั่วหน้า (องค์รวม)ควบคู่กับการบำบัดอาการเฉพาะโรคไปพร้อมกัน
ทฤษฎีในการบำบัดโรคของถ้วยดูดสุญญากาศ
ทฤษฎีของการวางถ้วยดูดระบบสุญญากาศ (Vacuum Cupping)ในการบำบัดอาการโรคต่างๆ อาศัยการปฏิบัติงานของชุดเครื่องปั้มดูดระบบสุญญากาศ ปั้มดูดอากาศออกจากภายในบริเวณถ้วย ความกดดันของสุญญากาศดึงดูดผิวหนังให้นูนสูงขึ้น บริเวณผิวหนังดังกล่าว ถูกกระตุ้นถูกกดดันทำให้เนื้อเยื่อถูกทำลาย ผลักดันให้เลือดลมไหลเวียนเข้ามาหล่อเลี้ยงบริเวณดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ในเวลาเดียวกันก็ได้ผลักดันให้เส้นลมปราณ จุดต่างๆ ของเส้นลมปราณ เซลล์ของเส้นประสาท เซลล์ของเลือดเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านพยาธิวิทยา ผลักดันให้เม็ดเลือดขาวเคลื่อนตัวเข้ามากำจัดสิ่งแปลกปลอม สารพิษเชื้อโรค ของเสียต่างๆ เหล่านี้ถูกขจัดออกจากผนังของหลอดเลือดประสานกับการกดดันของถ้วยดูด และการปฏิบัติหน้าที่งานของผิวหนัง ของเสียสารพิษบางส่วนจะถูกดูดออกจากรูขุมขนของผิวหนังโดยตรง สะท้อนออกเป็นไอน้ำ หยดน้ำเกาะติดอยู่กับผนังของถ้วยดูด บางส่วนจะถูกดูดมาเกาะติดอยู่กับผิวหนัง (สะท้อนออกเป็นสีผิวต่างๆ) จากนั้นจะถูกขจัดออกจากร่างกายพร้อมกับเหงื่อ หรือสลายไปตามเลือดลมที่หมุนเวียนอยู่ในระบบหลอดเลือด ถูกขับออกจากร่างกายโดยทางปัสสาวะและอุจจาระ ของเสียสารพิษต่างๆ ถูกขจัดออกจากผนังหลอดเลือด ผนังหลอดเลือดขยายกว้างขึ้น เลือดลมไหลเวียนอยู่ในระบบหลอดเลือด ถูกปรับเข้าสู่การหมุนเวียนอย่างมีระเบียบ อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายได้รับเลือดมาหมุนเวียนหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ ปรับการปฏิบัติหน้าที่งานเข้าสู่ปกติและมีประสิทธิภาพทั่วทั้งร่างกายก็จะถูกปรับเข้าสู่สมดุล
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการโรครุนแรงสะสมยาวนาน บริโภคยาแผนปัจจุบันมายาวนานหลายปี หรือผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในบริเวณเขตมีสารพิษสารเคมีมาก (เช่นโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสารพิษสารเคมี) หลังการวางถ้วยดูดสักพักจะสังเกตบนผิวหนังอาจจะมีตุ่มเกิดขึ้น บ้างเป็นตุ่มน้ำใสๆ บ้างมีตุ่มที่มีเจือปนเส้นเลือดฝอยสีแดง บ้างมีตุ่มมีของเหลวสีเหลือง บ้างเป็นตุ่มลิ่มเลือด สะท้อนถึงของเสียสารพิษน้ำเหลืองเสียในร่างกายซึ่งเกาะติดอยู่ผนังหลอดเลือด ถูกขจัดดูดออกมาเกาะรวมเป็นตุ่มเกาะติดบนผิวหนัง วิธีขจัดกับตุ่มเหล่านี้ใช้เข็มเฉพาะทำการฆ่าเชื้อโรคด้วยแอลกอฮอล์แล้วแทงเขี่ยให้ของเหลวสารพิษไหลออกจากตุ่ม (สามารถอาบน้ำได้ปกติแต่อย่าใช้สบู่หรือใช้ผ้าเช็คตัวถูถูก) ตุ่มเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการคันซึ่งเป็นอาการปกติ เพราะสะท้อนถึงแก๊ซเสียสารพิษถูกขับออกมา ของเสียสารพิษในตุ่มถูกขจัดออก ผนังหลอดเลือดขยายกว้างขึ้นส่งผลให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนมีประสิทธิภาพ ภูมิคุ้มกันจะยิ่งแข็งแรง ฉะนั้นถ้าหากทำการดูดต่อเนื่องในวันต่อๆ ไปยังเกิดมีตุ่มต่างๆ เกิดขึ้นบนผิวหนัง (อาจอยู่ในบริเวณพื้นที่ผิวหนังเดิม หรือเกิดขึ้นใหม่ในบริเวณถ้วยดูดอื่น) ต้องเน้นให้ผู้ป่วยอย่าตกใจและชี้แจงให้เข้าใจถึงกรรมวิธีขจัดของเสียสารพิษ ส่วนลึกในร่างกายให้กำลังใจผู้ป่วยให้มารับการบำบัดต่อเนื่อง จนกว่าไม่มีตุ่มสารพิษถูกดูดออกมาอีก จากนั้นบริเวณดังกล่าจะตกสะเก็ดหลังจาก 3-4 วันผ่านไปสะเก็ดที่เกาะติดจะหลุดออก ผิวหนังบริเวณดังกล่าวจะฟื้นคืนสู่ปกติ แต่ถ้าหากหยุดการบำบัดทันทีก็จะทำให้ของเสียสารพิษที่อยู่ส่วนลึก ไม่สามารถถูกขจัดออกหรืออาจไปเกาะติดเป็นก้อนใหม่ ทำให้เกิดอาการบวมเจ็บก็ได้
ทำไมถึงว่าใช้วิธีขจัดลิ่มเลือดออกจากตามจุดลมปราณ ตามบริเวณข้อต่อต่างๆ โดยการใช้เข็มเฉพาะเคาะตีแล้วนำถ้วยดูดทยอยดูดลิ่มเลือดออก เป็นวิธีบำบัดที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผล ปลอดภัยและไม่ก่อเกิดผลข้างเคียงใดๆ ต่อสุขภาพผู้ป่วย
1. บริเวณผิวหนังที่วางถ้วยดูดเป็นสุญญากาศ เชื้อโรคจากภายนอกจะไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในบริเวณผิวหนังดังกล่าวได้ ฉนั้นบริเวณผิวหนังดังกล่าว หลังทำการขจัดลิ่มเลือดแล้วจะไม่ก่อเป็นแผลเป็นหรือบวมซ้ำใดๆ
2. เข็มเฉพาะที่ทำการเคาะตี ใช้เฉพาะกับผู้ป่วยรายบุคคลโดยเฉพาะ ก่อนทำการเคาะตีหรือเสร็จสิ้นการบำบัดต้องใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เช่นเดียวกับจุดลมปราณหรือบริเวณผิวหนังที่จะทำการบำบัดก่อนบำบัดหรือเสร็จสิ้นบำบัดต้องใช้แอลกอฮอล์เช็ดฆ่าเชื้อทำความสะอาดบริเณดังกล่าว
3. วิธีบำบัดดังกล่าวอาศัยหน้าที่สรีรวิทยาของผิวหนังที่เชื่อมโยงกับเส้นลมปราณ จุดลมปราณต่างๆ ในร่างกาย (เนื่องจากผิวหนังเป็นสาขาย่อยของเส้นลมปราณในร่างกาย) และเกียวสัมพันธ์กับเส้นประสาท เซลล์ประสาท และเลือดที่ไหลเวียนในระบบหลอดเลือด (เนื่องจากผิวหนังต้องอาศัยเลือดและเส้นประสาท เซลล์ประสาทมาหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ) รวมทั้งยังสามารถทำหน้าที่ขับของเสียสารพิษออกจากรูขุมขนและป้องกันเชื้อโรคต่างๆ เข้าทำร้ายร่างกาย ซึ่งวิธีการบำบัดเป็นวิธีกระตุ้นผลักดันให้เส้นลมปราณ จุดลมปราณ เส้นประสาทและเซลล์ประสาตื่นตัว ปฏิบัติหน้าที่งานอย่างกระฉับกระเฉงและมีประสิทธิภาพ และผลักดันให้เม็ดเลือดขาวเคลื่อนตัวกำจัดของเสียสิ่งแปลกปลอม รวมทั้งลิ่มเลือดออกจากผนังหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงอวัยวะที่มีปัญหาหรือข้อต่อที่อักเสบ และถูกดึงดูดออกจากรูขุมขนของบริเวณผิวหนังภายในรัศมีของถ้วยดูด หลังจากสารพิษต่างๆ ลิ่มเลือดถูกดูดออกมาแล้วรูขุมขนของบริเวณผิวหนังดังกล่าวจะทำการปิดโดยปริยาย และจากที่ของเสียสารพิษลิ่มเลือดถูกขจัดออกจากผนังหลอดเลือด หลอดเลือดขยายกว้างเลือดกลับมาไหลเวียนหล่อเลี้ยงเข้าสู่ปกติ การเสริมสร้างเซลลใหม่ก็จะมีประสิทธิภาพ อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายหรือโครงสร้างส่วนประกอบต่างๆ ของข้อต่อที่เสื่อมโทรมก็จะสามารถถูกบูรณะ ถูกฟื้นฟูเสริมสร้างใหม่ วิธีบำบัดดังกล่าวจึงเป็นวิธีดุลย์ภาพบำบัดที่มีประสิทธิภาพและเป็นวิธีบำบัดที่ปลอดภัย ไม่ก่อเกิดผลข้างเคียงใดๆ ต่อสุขภาพ
4. สารพิษลิ่มเลือดถูกขจัดออกจากผนังหลอดเลือด ผนังหลอดเลือดขยายกว้างขึ้น เลือดลมกลับหล่อเลี้ยงไหลเวียนสู่ปกติ อาการเจ็บปวดหรือกระทั่งอักเสบที่มีอยู่ก็จะทยอยทุเลาดีขึ้น วิธีดังกล่าวเป็นวิธีดุลย์ภาพบำบัดที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
อาการเจ็บปวดหรืออักเสบของข้อต่อต่างๆ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังนี้
(1) เกิดจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ทำให้ข้อต่อส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดการบาดเจ็บ หรือบาดเจ็บสาหัส ถ้าเกิดการอักเสบแล้วมิได้ถูกขจัดแก้ไขโดยเร็ว นานวันจะสะสมกลายเป็นอาการอักเสบเรื้อรัง
(2) สาเหตุจากผู้ที่ออกกำลังกายไม่ถูกหลักวิธี ก่อนออกกำลังกายมิได้อบอุ่นร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่นิยมเล่นกีฬาประเภทหนักหน่วง มิได้อบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ ลีลาท่าทางของการออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอไม่ต่อเนื่อง หรือบางครั้งออกกำลังกายเกินกำลังของตนเอง ทำให้ข้อต่อใดข้อต่อหนึ่งเกิดการสะดุดและเจ็บปวดตามมา
(3) สาเหตุจากร่างกายขาดแคลเซียม และยังนิยมดื่มชาหรือกาแฟเป็นประจำ และปกติก็ไม่ชอบออกกำลังกายเมื่ออายุมากขึ้นจึงง่ายต่อการเกิดอาการข้อต่อเจ็บปวด จนถึงขั้นอักเสบ
(4) สาเหตุจากโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ หรือสุขภาพอ่อนแอมีอาการปวดศีรษะบ่อย เป็นหวัดบ่อย ต้องทานยาอยู่เป็นประจำหรือบ่อยครั้ง ผลข้างเคียงของสารยาเคมีที่ทยอยตกค้างอยู่ในอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะตามข้อต่อต่าง ๆ สะสมนานวันทำให้การไหลเวียนของเลือดติดขัด ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดของข้อต่อตามมา
วิธีบำบัด
- อาการไม่รุนแรงหรือเพิ่งเกิดมีอาการใหม่ๆ ใช้วิธีนวดฝ่าเท้าบำบัดนวดต่อเนื่องหลายๆ วันจะสามารถช่วยบรรเทาอาการ แต่ถ้าเป็นอาการที่อักเสบจำเป็นต้องประสานใช้วางถ้วยดูดสุญญากาศครอบบำบัดรักษา
- ประสานออกกำลังกายให้เป็นประจำทุกวัน และออกกำลังกายให้ถูกหลักวิธีการ การประสานออกกำลังกายจะช่วยผลักดันให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนเร็วขึ้น และช่วยขับของเสียสารพิษออกจากบริเวณที่เจ็บปวดเร็วขึ้น เพียงแต่วิธีออกกำลังกายต้องเลือกให้เหมาะกับอาการและสุขภาพของตน
- พยายามบริโภคอาหารการกินการดื่มให้ถูกหลักอนามัย หลีกเลี่ยงทานอาหารเค็มจัด เผ็ดจัดหรือพยายามดื่มชา กาแฟให้น้อยที่สุด
- ถ้าเป็นอาการโรคข้อที่อักเสบเรื้อรัง จนมีเลือดคั่งเกาะติดตามบริเวณตามข้อ ควรจะให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดฝ่าเท้า การวางถ้วยดูดบำบัดอาการจะได้ผลที่เร็วขึ้นและใช้เข็มเฉพาะเคาะตีบริเวณที่อักเสบ และทยอยดูดลิ่มเลือดออกจากบริเวณดังกล่าว
หลักการและสาเหตุที่ต้องนำศาสตร์ของการนวดฝ่าเท้า มาประสานกับการนวดกดจุดลมปราณและประสานกับการวางถ้วยดูดสุญญากาศ
1. ผู้คนส่วนมากในสังคมปัจจุบันมีสุขภาพที่ทรุดโทรมอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันตกต่ำ เป็นโรคง่ายมีอาการโรคเยอะ เกิดจากปัจจัยลบต่างๆ ที่คอยกระทบกระเทือนบั่นทอนสุขภาพอยู่เกือบตลอดเวลา
- เกิดจากสังคมสิ่งแวดล้อมที่มีมลภาวะเป็นพิษ ชั้นอากาศออกซิเจนลดน้อยลง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับเพิ่มทวีมากขึ้น ก๊าซเสียสารพิษต่างๆ เหล่านี้ถูกสูบเข้าไปในปอดเข้าไปในร่างกาย นอกจากทำให้เลือดไหลเวียนช้า มิได้ถูกขับออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะทยอยตกค้างสะสมอยู่ในร่างกาย
- การเคลื่อนไหวร่างกายที่ลดน้อยลง 2 เท้าขยับเดินทางน้อยลง 2 มือเกือบไม่ขยับทำงาน ส่งผลทำให้เขตสะท้อนที่กระจาย 2 ข้างฝ่าเท้า เส้นลมปราณ จุดลมปราณต่างๆ เส้นประสาท เซลล์ประสาทที่กระจายทั่วร่างกายถูกบล๊อกไว้ ถูกจำกัดประสิทธิภาพงาน ส่งผลทำให้เลือดไหลเวียนในระบบหลอดเลือดไหลเวียนไม่มีพลัง ช้า ผิดระเบียบ ไม่สม่ำเสมอ และส่งผลทำให้อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย กลไกระบบต่างๆ ในร่างกายประสิทธิภาพงานพลอยตกต่ำ
- เกิดจากอาหารการกินการดื่มที่เราบริโภคอยู่ส่วนมากเติมใส่สารยาเคมี หรือกระทั่งมีสารพิษเคมีเจือปน สารยาเคมีสารพิษเหล่านี้ถูกบริโภคเข้าไปในร่างกาย นอกจากทำให้เลือดเหน็ดไหลเวียนช้า และของเสียสารพิษเหล่านี้มิได้ถูกขับออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะทยอยตกค้างสะสมอยู่ในร่างกายโดยเฉพาะยังมีสารยาเคมีบางอย่าง ก่อเกิดผลข้างเคียงในร่างกายกระทบกระเทือนบั่นทอนถึงอวัยวะหลักหลายอย่างในร่างกาย เช่น ไต ตับ กระเพาะอาหาร ฯลฯ
- เกิดจากการดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันที่แข่งขันรุนแรง ทำให้ผู้คนส่วนมากง่ายก่อเกิดอารมย์เคร่งเครียด หงุดหงิด กังวล ห่วงใย อารมย์ที่ผันแปรเช่นนี้ง่ายก่อเกิดเลือดลมไหลเวียนติดขัด
จากที่เราดำเนินชีวิตที่สวนทาง ขัดกับธรรมชาติเช่นนี้ หลีกเลี้ยงไม่พ้นที่ทำให้เลือดลมที่ไหลเวียนอยู่ในระบบหลอดเลือดของร่างกายเราไหลเวียนผิดระเบียบไหลเวียนอย่างไม่มีพลัง ไม่สม่ำเสมอ ส่งผลทำให้อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายไม่ได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ ประสิทธิภาพงานก็จะพลอยตกต่ำ หรือกระทั่งเกิดอาการเจ็บปวดไม่สบายตามมา และก็ส่งผลต่อการทำให้ประสิทธิภาพงานของกลไกระบบต่างๆ ภายในร่างกายพลอยตกต่ำ โดยเฉพาะกลไกของระบบกลั่นกรอง ระบบดุลยภาพที่ตกต่ำ จะไม่สามารถขับของเสียสารพิษออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ของเสียสารพิษต่างๆ ก็จะทยอยตกค้างสะสมอยู่ตามบริเวณต่างๆในร่างกาย ตามผนังหลอดเลือดโดยเฉพาะตามข้อต่อต่างๆ สะสมเกาะติดนานวันก็จะผันแปรเป็นก้อนเนื้อ ก้อนแข็งหรือกระทั่งเป็นเนื้อร้าย ก็จะยิ่งส่งผลทำให้เลือดลมไหลเวียนยิ่งติดขัดหรือกระทั่งอุดตันภูมิคุ้มกันก็จะตกต่ำ ง่ายก่อเกิดเป็นอาการโรคต่างๆ ตามมาก และก็ง่ายก่อเกิดให้เกิดอาการโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้นตามมาด้วย จากผู้คนส่วนมากในสังคมสมัยปัจจุบันที่มีสุขภาพทรุดโทรม ภูมิคุ้มกันตกต่ำเช่นนี้ ถ้าเกิดอาการโรคที่เจ็บป่วยไม่สบายอย่างไม่รุนแรงหรือเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ รับการบำบัดโดยแพทย์วิธีใดวิธีหนึ่งก็อาจทำให้ทุเลาหายดี แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยที่มีสุขภาพค่อนข้างทรุดโทรมอ่อนแอ และมีอาการโรคแทรกซ้อนหลายอย่างในร่างกาย ลำพังนำแพทย์วิธีใดวิธีหนึ่ง มาบำบัดขจัดอาการโรคที่มีอยู่ก็อาจไม่สามารถถูกขจัดแก้ไขทุเลาหายได้โดยเร็ว จำเป็นต้องรับการบำบัดแบบองค์รวม เร่งปรับร่างกายให้เข้าสู่สมดุลอาการต่างๆ ที่มีอยู่ จึงจะสามารถถูกขจัดแก้ไขทุเลาหายได้โดยเร็ว
2. ศาสตร์แพทย์ทางเลือกสามประสาน เน้นหลักการรักษาแบบองค์รวม ปรับภาวะร่างกายให้เกิดสมดุล เป็นวิธีดุลย์ภาพบำบัด และวิธีเสริมสร้างสุขภาพสอดคล้องกับสภาพการณ์ของสุขภาพร่างกายคนสมัยสังคมปัจจุบัน
- เป็นวิธีการเสริมสร้างสุขภาพและการบำบัดที่กระตุ้นผลักดันให้เขตสะท้อนที่กระจาย 2 ข้างฝ่าเท้า เส้นลมปราณและจุดลมปราณต่างๆ รวมทั้งเส้นประสาทและเซลล์ประสาท กลับมาปฏิบัติหน้าที่งานอย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันให้เลือดเข้าสู่ไหลเวียนอย่างมีระเบียบ มีพลัง มีประสิทธิภาพ ส่งผลทำให้อวัยวะต่างๆ กลไกระบบต่างๆ ภายในร่างกายฟื้นฟูกลับมาปฏิบัตหน้าที่งานอย่างมีประสิทธิภาพ
- การนวดฝ่าเท้า การนวดกดจุดลมปราณ และการวางถ้วยดูดรบบสุญญากาศ แต่ละศาสตร์ปกติต่างก็มีประสิทธิภาพต่อการเสริมสร้างสุขภาพและบำบัดโรคแบบองค์รวม จากการที่เรานำ 3 วิชาชีพนี้มาประสานใช้ด้วยกันจะทำให้เกิดมีพลังมีประสิทธิภาพเพิ่มทวีมากขึ้น ต่อการบำบัดโรคแบบองค์รวม ประสานกับการแก้อาการโรคเฉพาะไปพร้อมกัน
- เป็นวิธีบำบัดที่สามารถขจัดของเสียสารพิษต่างๆ รวมทั้งลิ่มเลือดออกจากร่างกายโดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ก่อเกิดผลข้างเคียงใดๆ ต่อสุขภาพร่างกาย จึงเป็นวิธีเสริมสร้างสุขภาพและบำบัดแบบดุลย์ภาพบำบัดและแบบองค์รวมที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างสูง จึงสอดคล้องกับสภาพการณ์สุขภาพของผู้คนในสมัยสังคมปัจจุบัน
การวางถ้วยดูดตามจุดสะท้อนต่างๆ ของร่างกายตามเส้นลมปราณหลัก 12 เส้นที่กระจายเกือบทั่วร่างกาย ซึ่งเป็นการกระตุ้นจุดสะท้อนการทำงานของอวัยวะต่างๆ ที่คล้ายคลึงกับการวางตำแหน่งของจุดฝังเข็ม